การปั่นจักรยานออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งวิธีของการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากสามารถออกกำลังกายได้ทุกสภาพอากาศ และสามารถปรับระดับความฝืด หรือความต้านทานได้ตามสภาพความแข็งแรงของผู้ที่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายแต่ละครั้งควรใช้เวลาในการออกกำลังกายอย่างน้อยประมาณ 30 นาที ในการฝึกช่วงแรก และควรมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ วิธีการปั่นจักรยานอย่างถูกต้อง
การออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยานออกกำลังกายเป็นการฝึกและพัฒนาความแข็งแรงของระบบการไหลเวียนเลือด และช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย ซึ่งเมื่อเริ่มออกกำลังกายควรจะเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกาย และมีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อ
ข้อดีของการปั่นจักรยานออกกำลังกาย
- ทำให้หัวใจ และกล้ามเนื้อแข็งแรง
- สามารถออกกำลังกายได้ทั้งปี ทุกสภาพอากาศ
- สามารถออกกำลังกายได้โดยลำพังคนเดียว
- ไม่ต้องใช้ทักษะที่ซับซ้อน ไม่ต้องฝึกการทรงตัว
- ไม่ต้องกังวลกับอุบัติเหตุ เหมือนปั่นจักรยานด้านนอก เช่น จากรถยนต์
- ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องปวดหลัง หรือปวดเข่า สามารถออกกำลังกายด้วยวิธีปั่นจักรยาน
ข้อเสียของการปั่นจักรยานออกกำลังกาย
- เป็นการออกกำลังกายเฉพาะร่างกายส่วนล่าง เนื่องจากไม่ต้องใช้ร่างกายท่อนบนในการควบคุมการทรงตัว
- ไม่ได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทำให้รู้สึกเบื่อได้ง่าย
- ถ้าเบาะจักรยานไม่เหมาะสมอาจทำให้มีการบาดเจ็บที่ก้นได้
ข้อแนะนำในการปั่นจักรยานออกกำลังกาย
- ถ้ามีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
- เรียนรู้อุปกรณ์และวิธีการปั่นจักรยานที่ถูกต้อง
- ปรับเบาะและมือบังคับให้ได้ระดับเหมาะสม
วิธีการปรับจักรยานออกกำลังกายให้เหมาะสมก่อนที่จะปั่น
- ความสูงของเบาะนั่งที่เหมาะสม คือ เมื่อนั่งบนเบาะ เท้าข้างที่วางบนบันไดที่ต่ำเข่าควรจะงอเล็กน้อยประมาณ 150 – 160 องศา ไม่เหยียดตึงเกินไป เพราะอาจทำให้ปวดบริเวณด้านหลังขาหรือเข่า หากตั้งเบาะต่ำไปอาจจะทำให้ปวดเข่าบริเวณด้านหน้า
- ความสูงของมือจับปรับให้พอดี โดยปรับให้สูงแล้วค่อยเลื่อนต่ำลงมา ตำแหน่งที่เหมาะสมคือข้อศอกงอเล็กน้อย ระยะห่างพอดี และจับสบายไม่ปวดหลัง การปรับนี้ผู้ขี่ต้องปรับให้พอดีกับตัวเอง
- การเลือกรองเท้า ไม่ควรใช้รองเท้าสำหรับวิ่ง หรือรองเท้าสำหรับการเต้นแอโรบิก เพราะพื้นรองเท้านุ่มเกินไป พื้นรองเท้าสำหรับปั่นจักรยานควรจะแข็งพอสมควร เพื่อจะได้ปั่นจักรยานออกกำลังกายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเริ่มออกกำลังกายควรเริ่มโดยการอบอุ่นร่างกาย โดยปั่นจักรยานแบบไม่มีความฝืดประมาณ 5 – 10 นาที หลังจากนั้น จึงเพิ่มความฝืดและเพิ่มความเร็วโดยที่ไม่รู้สึกเหนื่อย หรือปวดกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ที่หัดปั่นจักรยานออกกำลังกายในระยะแรก ควรเริ่มปั่นด้วยความเร็วที่ไม่สูง และความฝืดไม่มาก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ หรือกล้ามเนื้อล้าหลังออกกำลัง เมื่อร่างกายแข็งแรงขึ้น จึงเพิ่มความฝืดและความเร็ว
สำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะปั่นจักรยานว่า สามารถออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ได้หรือไม่ ถ้าสามารถปั่นจักรยานออกกำลังกายได้ควรมีการติดตามการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย หากมีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืด เจ็บหน้าอก ให้หยุดขี่ และบอกคนใกล้ชิดหรือผู้ควบคุมการฝึกออกกำลังกาย